นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักจนต้องซื้อน้ำจากภายนอกมาใช้ในฟาร์มทุกวัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีก จากเดิมต้นทุนการใช้น้ำอยู่ที่ 30 บาทต่อตัว เพิ่มเป็น 300-600 บาทต่อหมูขุน 1 ตัว หรือ 3-6 บาทต่อหมู 1 กิโลกรัม จากเฉลี่ยแล้วหนึ่งเที่ยวราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อน้ำ 1 หมื่นลิตร สำหรับฟาร์มขนาดเล็กต้องใช้น้ำราว 2 เที่ยวต่อวัน ต้นทุนในส่วนนี้จึงเพิ่มขึ้นถึง 6,000 บาทต่อวัน หากเป็นฟาร์มใหญ่ขาดแคลนน้ำมาก ต้นทุนก็จะสูงขึ้นมากขึ้นไปอีก กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบกับต้นทุนการเลี้ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากการรายงานของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ระบุว่า ปี 2564 ประเทศไทยจะเผชิญวิกฤตภัยแล้งหนัก เนื่องจากปริมาณฝนสะสมในปีที่ผ่านมามีค่าน้อยกว่าค่าปกติ 4% ถือเป็นเหตุการณ์ฝนน้อยกว่าปกติ 2 ปีติดต่อกัน (62-63) ทำให้ฤดูแล้งนี้จะมีน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะในการเลี้ยงสุกรที่ต้องใช้น้ำสำหรับกินและใช้ในกระบวนการเลี้ยงในปริมาณมาก โดยเฉลี่ยพ่อแม่พันธุ์สุกรใช้น้ำวันละ 130 ลิตรต่อตัว สุกรขุนใช้น้ำวันละ 40 ลิตรต่อตัว ทำให้ปริมาณน้ำที่เกษตรกรกักเก็บสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งเริ่มไม่เพียงพอ เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องซื้อน้ำจากแหล่งอื่นมาให้หมูกิน ใช้ทำความสะอาด และหล่อเลี้ยงระบบทำความเย็นในโรงเรือน เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดน้ำสะอาดและอากาศร้อนจัด
นอกจากนี้ฤดูร้อนยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคกลุ่มอาการของระบบทางเดินหายใจและระบบสืบพันธุ์ (PRRS) ที่ทำให้สุกรแท้งลูกในระยะท้ายของการอุ้มท้อง ส่งผลต่อเนื่องถึงสุกรอนุบาลและสุกรขุนทำให้อัตราเสียหายเพิ่ม และต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น ขณะเดียวกันเกษตรกรทั่วประเทศยังคงเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโรคสำคัญในสุกรทั้ง โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) และ PRRS อย่างเข้มงวด โดยเพิ่มความเข้มข้นของระบบ Biosecurity ในฟาร์ม และเน้นการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ต้นทุนการป้องกันโรคเพิ่มกว่า 200-300 บาทต่อตัว และคาดว่าต้นทุนการเลี้ยงในขณะนี้สูงกว่าประมาณการต้นทุนการลี้ยงสุกรขุนเฉลี่ยไตรมาส 1/2564 ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ว่าอยู่ที่ 77.49 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาเฉลี่ยสุกรมีชีวิตตามประกาศของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติอยู่ที่ 79-80 บาทต่อกิโลกรัม เท่ากับเกษตรกรแทบไม่มีกำไรจากการเลี้ยง แต่ยังจำเป็นต้องประคับประคองอาชีพเดียวเอาไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีปริมาณสุกรบริโภคอย่างเพียงพอ
ที่มา : อินโฟเควสท์ 26-03-2021
|